พัดลมดูดอากาศ ตัวช่วยลดกลิ่นอับ เพิ่มอากาศถ่ายเทในบ้าน

บ้านอับชื้นและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ นอกจากจะเป็นปัญหากวนใจที่ต้องคอยตามแก้ ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของสมาชิกในบ้านอีกด้วย วันนี้โกลบอลเฮ้าส์จะมาแนะนำให้คุณได้รู้จักกับพัดลมดูดอากาศ ตัวช่วยลดกลิ่นอับและเพิ่มอากาศถ่ายเทในบ้านได้เป็นอย่างดี

หัวข้อไฮไลท์

สาเหตุของกลิ่นอับชื้นภายในบ้าน
ประโยชน์ของพัดลมดูดอากาศ
การเลือกพัดลมดูดอากาศอย่างเหมาะสม
ใช้พัดลมดูดอากาศอย่างไรให้ประหยัดพลังงาน

ผลกระทบของกลิ่นอับต่อสุขภาพ

กลิ่นอับมักเกิดจากพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียต่างๆ เมื่อเราสูดดมสปอร์ของเชื้อราเหล่านี้เข้าไป จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้หลายด้าน เช่น ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ ไอ หรือมีเสมหะ นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น การระคายเคืองผิวหนัง หรือการติดเชื้อ

สาเหตุของกลิ่นอับภายในบ้าน

ปัญหากลิ่นอับชื้นในบ้านเป็นสิ่งที่หลายคนประสบปัญหา โดยกลิ่นอับชื้นเกิดจากหลายสาเหตุดังนี้
ความชื้นสูง ความชื้นที่มากเกินไปในอากาศเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นอับ ความชื้นส่วนใหญ่มาจากการทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้าน เช่น การตากผ้าในบ้าน การทำอาหาร และการอาบน้ำ
การระบายอากาศไม่ดี บ้านที่ปิดทึบ ไม่มีหน้าต่างหรือมีหน้าต่างน้อย จะทำให้ความชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์สะสมอยู่ภายในบ้าน
เชื้อราและแบคทีเรีย เมื่อมีสภาพแวดล้อมที่ชื้น เชื้อราและแบคทีเรียจะเจริญเติบโตและสร้างกลิ่นอับ
วัสดุภายในบ้าน วัสดุบางชนิด เช่น ไม้ ผ้า กระดาษ หรือการเก็บสะสมของเก่าที่ไม่ได้ใช้งาน เมื่อสัมผัสกับความชื้นเป็นเวลานานจะสร้างกลิ่นอับได้
ท่อน้ำเสีย ท่อน้ำที่อุดตันหรือรั่วซึม อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและความชื้น
สัตว์เลี้ยง สัตว์เลี้ยงบางชนิด เช่น สุนัข แมว อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นอับได้

พัดลมดูดอากาศช่วยเพิ่มอากาศถ่ายเทได้อย่างไร

พัดลมดูดอากาศ (Exhaust Fan) พัดลมดูดอากาศถูกออกแบบมาให้ทำงานโดยการสร้างแรงดันลบภายในห้อง ทำให้อากาศภายในห้องเคลื่อนที่ไปยังพัดลมและดูดออกไปยังภายนอกอาคารผ่านท่อระบายอากาศ ซึ่งการทำงานของพัดลมดูดอากาศยังทำให้เกิดประโยชน์อีกมากมาย ดังนี้

ช่วยระบายอากาศและความร้อน พัดลมดูดอากาศจะช่วยดูดอากาศที่อับชื้นและความร้อนออกจากห้อง ทำให้ห้องเย็นสบายและอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ลดความชื้น การลดความชื้นในห้อง ช่วยป้องกันปัญหาเชื้อราและแบคทีเรียที่มักเกิดขึ้นในที่อับชื้น ช่วยให้บ้านของคุณสะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพยิ่งขึ้น
กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอาหาร กลิ่นอับชื้น หรือกลิ่นอื่นๆ พัดลมดูดอากาศจะช่วยดูดกลิ่นเหล่านั้นออกไป ทำให้บ้านของคุณมีกลิ่นที่สดชื่น
ลดฝุ่นละออง การหมุนเวียนของอากาศจะช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ทำให้บ้านของคุณสะอาดขึ้น
ป้องกันการเกิดสนิม ความชื้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสนิม การลดความชื้นจึงช่วยป้องกันเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของต่างๆ ในบ้านไม่ให้เกิดสนิมอีกด้วย
เหมาะสำหรับห้องที่ไม่มีหน้าต่าง ห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องที่ปิดทึบ การติดตั้งพัดลมดูดอากาศจะช่วยให้อากาศในห้องเหล่านี้ถ่ายเทได้ดีขึ้น

เลือกพัดลมดูดอากาศอย่างไรให้เหมาะสม

การเลือกซื้อพัดลมดูดอากาศให้เหมาะสมกับความต้องการนั้น จำเป็นต้องพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ เพื่อให้ได้พัดลมที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด โดยมีข้อควรพิจารณาดังนี้

1. ประเภทของพัดลมดูดอากาศพัดลมดูดอากาศติดผนัง

เป็นพัดลมดูดอากาศที่ติดตั้งบนผนัง มักพบเห็นในห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องที่ต้องการระบายอากาศเฉพาะจุด ติดตั้งง่าย ประหยัดพื้นที่ เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็กพัดลมดูดอากาศติดเพดาน

เป็นพัดลมดูดอากาศที่ติดตั้งฝังลงไปในฝ้าเพดาน ดูเรียบร้อยไม่เกะกะสายตา มีกำลังดูดสูง เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่กว้างและต้องการระบายอากาศปริมาณมาก แต่การติดตั้งค่อนข้างยุ่งยาก ต้องมีการเดินท่อและเจาะฝ้าเพดานโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ

พัดลมดูดอากาศแบบติดกระจก

พัดลมดูดอากาศประเภทนี้จะติดตั้งบนกระจกบานหน้าต่างหรือประตู ติดตั้งง่ายไม่ต้องเจาะผนัง กำลังดูดไม่สูงมาก เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กที่มีหน้าต่างหรือกระจก

พัดลมดูดอากาศแบบตั้งพื้น

เป็นพัดลมดูดอากาศที่มาพร้อมกับฐานตั้งพื้น ไม่ต้องติดตั้ง เคลื่อนย้ายได้สะดวก สามารถเสียบปลั๊กใช้งานได้ทันที แต่จะมีสายไฟเกะกะ ตัวเครื่องค่อยข้างกินพื้นที่ใช้สอย จึงไม่เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่จำกัด

2. ขนาดและกำลังไฟฟ้า (วัตต์)

ยิ่งกำลังไฟฟ้าสูง พัดลมดูดอากาศก็จะยิ่งมีแรงดูดอากาศที่มากขึ้น ควรเลือกกำลังไฟฟ้าและขนาดของพัดลมดูดอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง พัดลมที่มีกำลังแรงเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน และพัดลมที่มีกำลังน้อยเกินไปก็อาจไม่เพียงพอในการระบายอากาศ

3. ปริมาณอากาศที่ดูดได้ Cubic Feet per Minute (CFM)

คือปริมาณอากาศที่พัดลมดูดอากาศสามารถดูดได้ต่อนาที การคำนวณค่า CFM ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณเลือกพัดลมที่สามารถระบายอากาศในห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

CFM = (ปริมาตรห้อง x จำนวนครั้งที่ต้องการเปลี่ยนอากาศต่อชั่วโมง) / 60 (นาทีต่อ 1 ชั่วโมง)

ตัวอย่างเช่น ห้องของคุณมีขนาด 5 ฟุต x 5 ฟุต x 8 ฟุต และต้องการเปลี่ยนอากาศ 10 ครั้งต่อชั่วโมง

ปริมาตรห้อง = 5 ฟุต x 5 ฟุต x 8 ฟุต = 200 ลูกบาศก์ฟุต

CFM = (200 ลูกบาศก์ฟุต x 10 ครั้ง/ชั่วโมง) / 60 นาที/ชั่วโมง ≈ 333 CFM

4. ขนาดใบพัด

ใบพัดที่มีขนาดใหญ่จะช่วยเพิ่มกำลังในการดูดอากาศ ความเร็วรอบใบพัดที่หมุนเร็ว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายอากาศ

5. ระดับเสียง

พัดลมดูดอากาศที่ทำงานเงียบ จะไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนขณะใช้งาน

6. วัสดุที่ใช้ผลิต

วัสดุที่แข็งแรงได้มาตรฐาน ทนทานต่อความร้อนและความชื้น จะช่วยยืดอายุการใช้งานของพัดลมดูดอากาศ

7. ฟังก์ชั่นเพิ่มเติม

ตัวช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น เช่น ระบบตั้งเวลา รีโมทคอนโทรล เซ็นเซอร์ตรวจจับความชื้น เป็นต้น

8. การติดตั้ง

การติดตั้งพัดลมดูดอากาศอย่างเหมาะสม จะช่วยให้การระบายอากาศในบ้านมีประสิทธิภาพ

ข้อควรพิจารณาในการติดตั้งพัดลมดูดอากาศ

พัดลมดูดอากาศเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยระบายอากาศและขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ความร้อน หรือความชื้นในห้อง เพื่อให้การติดตั้งพัดลมดูดอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อควรพิจารณาดังนี้:

1. เลือกตำแหน่งที่เหมาะสม

การติดตั้งพัดลมดูดอากาศควรอยู่ใกล้กับแหล่งกำเนิดกลิ่น ไอความร้อน หรือความชื้น เช่น บริเวณเตาไฟในห้องครัว หรือห้องน้ำ การติดตั้งในตำแหน่งที่ถูกต้องจะช่วยให้พัดลมสามารถดูดอากาศและขจัดสิ่งไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

2. เชื่อมต่อกับช่องระบายอากาศ

พัดลมดูดอากาศต้องเชื่อมต่อกับช่องระบายอากาศภายนอก เพื่อให้อากาศที่ดูดออกมีทางออกที่ชัดเจน การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้อากาศที่ถูกดูดออกสะสมอยู่ภายในห้อง ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพของพัดลมได้

3. จัดวางให้เหมาะสม

การวางตำแหน่งพัดลมดูดอากาศในห้องควรให้เหมาะสมและสะดวกต่อการใช้งาน โดยไม่กีดขวางเส้นทางเข้า-ออกหรือพื้นที่สำคัญในห้อง

วิธีใช้พัดลมดูดอากาศให้ประหยัดพลังงาน

พัดลมดูดอากาศช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีวิธีต่างๆ ที่ช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น

เลือกพัดลมดูดอากาศที่เหมาะสมกับขนาดห้อง เลือกพัดลมที่มีขนาดกำลังดูดอากาศพอเหมาะกับขนาดของห้อง ไม่ใหญ่จนเกินไป
ฉลากประหยัดไฟ: เลือกพัดลมดูดอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้น
ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม ติดตั้งพัดลมดูดอากาศในตำแหน่งที่อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อให้ระบายอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ทำความสะอาดพัดลมดูดอากาศและท่อระบายอากาศเป็นประจำ และหมั่นตรวจสอบสภาพของพัดลมและอุปกรณ์ต่างๆ หากพบว่ามีชิ้นส่วนใดชำรุด ควรซ่อมแซมทันที
เปิดเฉพาะเมื่อจำเป็น เปิดพัดลมดูดอากาศเฉพาะเมื่อต้องการระบายอากาศ เช่น เวลาทำอาหาร หรืออาบน้ำ หากมีฟังก์ชั่นตั้งเวลา สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดพัดลมได้ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งาน
ใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่น สามารถใช้พัดลมดูดอากาศร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น พัดลมเพดาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายอากาศและประหยัดพลังงาน

การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ นอกจากจะช่วยประหยัดพลังงาน ยังช่วยให้พัดลมดูดอากาศของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกด้วย

สรุปบทความ

พัดลมดูดอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ควรติดตั้งไว้ในบ้าน เพื่อช่วยให้คุณมีอากาศที่สะอาดและสดชื่น ห่างไกลจากกลิ่นอับและปัญหาสุขภาพต่างๆ การเลือกพัดลมที่เหมาะสมและการติดตั้งที่ถูกวิธี จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้งานพัดลมดูดอากาศ หากคุณสนใจเลือกซื้อพัดลมดูดอากาศ สามารถช้อปพัดลมดูดอากาศได้ที่ Global House ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือช้อปออนไลน์ ผ่าน App Global House Click&Collect >> โหลดฟรี คลิก <<

คุ้มค่าไปอีกขั้นแค่ สมัครสมาชิกโกลบอลคลับ ฟรี พร้อมรับสิทธิพิเศษ สำหรับ สมาชิกโกลบอลคลับ เพียงช้อปครบ 50 บาท รับ 1 คะแนน สะสมโกลบอลคลับสะสมคะแนน เพื่อแลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า ที่โกลบอลเฮ้าส์ทุกสาขา ทั่วประเทศ

สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 1,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 100 บาท
สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม 9,000 คะแนน แลกรับคูปองแทนเงินสด 1,000 บาท
สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ เมื่อใช้คะแนนสะสม แลกซื้อเครื่องดื่ม ที่ลามายอนคอฟฟี่ทุกสาขา
สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกโกลบอลคลับ ใช้คะแนนนจ่ายแทนเงินสดที่ร้านค้าถุงเงิน ผ่าน แอป Global House Click&Collect อ่านเพิ่ม >> พอยท์เพย์ คลิก <<